สล็อตxo สหรัฐฯประกาศเคอร์ฟิว-มีผู้เสียชีวิต 1 คนจากเหตุผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรัฐสภา

สล็อตxo มีผู้เสียชีวิต 1 คน จากการถูกยิงในเหตุจลาจลระหว่างที่ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งบางส่วนมีอาวุธบุกเข้าไปยังอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อช่วงบ่ายวันพุธ (6 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงวอชิงตัน ในขณะที่สมาชิกรัฐสภากำลังประชุมเพื่อรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดน ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ จนทำให้ต้องยุติการประชุมและปิดอาคารรัฐสภา

      วันที่ 7 มกราคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ) ผู้ประท้วงสนับสนุน “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐได้บุกเข้าอาคารสภาสหรัฐ (Capitol Hill) ระหว่างที่สภาอยู่ในขั้นตอนการรับรอง “โจ ไบเดน” ผู้นำพรรคเดโมแครตเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป

      ในเวลาเดียวกันก็มีการเสริมกำลังจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเพื่อควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนายทรัมป์ กล่าวต่อหน้าผู้สนับสนุนหลายพันคนที่ร่วมเดินขบวนในกรุงวอชิงตันก่อนหน้านี้ว่า “เราจะไม่ยอมแพ้” แม้คณะผู้เลือกตั้งได้ลงคะแนนเสียงยอมรับว่านายไบเดน คือผู้ชนะการเลือกตั้งแล้วก็ตาม

      นายไบเดนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังเก็บคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งได้ 306 เสียง ส่วนนายทรัมป์ได้ 232 เสียง นายไบเดน ยังได้คะแนนโหวตมากกว่านายทรัมป์อย่างน้อย 7 ล้านเสียง

      ที่ผ่านมาทีมงานของนายทรัมป์ยื่นคำร้องต่อศาลคัดค้านผลการเลือกตั้งหลายสิบครั้งในหลายรัฐ แต่ไม่ประสบผล ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันพยายามหาทางพลิกผลการเลือกตั้งในบางรัฐ แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะให้ทำเช่นนั้นได้

      รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ในฐานะประธานวุฒิสภาและเป็นผู้ทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร และจะเป็นผู้ประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งของคณะผู้เลือกตั้ง ยืนยันว่าเขาจะไม่ยับยั้งการรับรองว่านายไบเดนเป็นผู้ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี แม้ว่าจะมีการร้องขอจากนายทรัมป์ก็ตาม

เหตุเกิดอะไรขึ้นที่อาคารรัฐสภา

สล็อตxo-ประท้วงสหรัฐ

     14.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตันดีซี ผู้สนับสนุนนายทรัมป์จำนวนมากรวมตัวที่บริเวณบันไดฝั่งตะวันออกของอาคารรัฐสภา และเริ่มผลักดันแนวกั้นและเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเพื่อบุกเข้าไปภายในอาคาร

     ตำรวจวอชิงตันเปิดเผยว่าผู้สนับสนุนทรัมป์ ซึ่งบางส่วนสวมชุดป้องกันตัวได้ใช้สารเคมีที่ทำให้ระคายเคืองพ่นใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

     ระหว่างการปะทะ มีผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คน ถูกยิงที่หน้าอก เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุเพียงว่าผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นพลเรือน

      เมื่อเข้าไปภายในอาคารได้แล้ว ผู้ชุมนุมคนหนึ่งได้ขึ้นไปบนบัลลังก์วุฒิสภาและตะโกน “ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง” ผู้ชุมนุมอีกคนหนึ่งเข้าไปนั่งในห้องทำงานของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และเอาขาพาดบนโต๊ะ

     ระหว่างเหตุความวุ่นวาย สมาชิกรัฐสภา รวมทั้งกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกนำตัวออกจากอาคาร และมีการเสริมกำลังจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ และหน่วยเจ้าหน้าที่อารักขา เพื่อควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

      ระหว่างนั้น นายไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ได้ออกมากล่าวเรียกร้องให้นายทรัมป์ “ทำตามคำสัตย์ปฏิญาณที่ให้ไว้และปกป้องประชาธิปไตยด้วยการทำให้การชุมนุมยุติลง”

      “การโจมตีอาคารรัฐสภาไม่ใช่การชุมนุมเรียกร้อง แต่เป็นการก่อจลาจล” นายไบเดน ระบุและบอกด้วยว่า “ประชาธิปไตยนั้นช่างเปราะบาง…การจะพิทักษ์มันไว้ได้จะต้องอาศัยผู้นำที่อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่ออำนาจของตัวเอง”

      หลังจากการบุกเข้าไปของผู้ประท้วงผ่านไปหลายชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภาและฝ่ายบริหาร ประกาศบังคับใช้กฎหมายภายในอาคาร ทว่าผู้ชุมนุมไม่มีท่าทีว่าจะยุติการรวมตัว

     เวลาต่อมา นายทรัมป์โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ให้ผู้ชุมนุมไม่ใช่ความรุนแรงและสลายตัว

      “ผมรับรู้ความเจ็บปวดของพวกคุณ ผมรู้ว่าคุณเจ็บ” นายทรัมป์ กล่าวและอ้างว่ามีการขโมยชัยชนะในการเลือกตั้ง “ทุกคนรู้ดี โดยเฉพาะอีกฝ่ายหนึ่ง แต่พวกคุณต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้” เขาบอกกับผู้ชุมนุม

      “นี่เป็นการเลือกตั้งที่มีการโกงกัน แต่เราไม่อาจตกอยู่ในน้ำมือของคนเหล่านี้ได้ เราจะต้องมีสันติ” นายทรัมป์ระบุ

      นายมูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดีซี ประกาศเคอร์ฟิว โดยมีผลตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 6 ม.ค. ถึง 06.00น. ของวันที่ 7 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น และมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ระเบิดได้ทำลายวัตถุต้องสงสัยที่ถูกพบบริเวณด้านนอกของสำนักงานพรรครีพับลิกัน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาคารรัฐสภา.

โลกชี้ประชาธิปไตยถูกทำลาย

      สิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน เป็นสิ่งที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก และถูกมองว่าเป็นการสร้างความสั่นคลอนให้ระบอบประชาธิปไตย

     นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และย้ำข้อเรียกร้องให้การเปลี่ยนถ่ายอำนาจที่จะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ เป็นไปอย่างสันติ

      ขณะที่นายฟรองซัวส์ ฟิลิป ฌอมปาน รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศแคนาดา โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์เช่นกันว่า “แคนาดารู้สึกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน การถ่ายโอนอำนาจอย่างสงบสันติถือเป็นหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย ที่จะต้องสืบสานและจะคงอยู่ เราจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และคิดคำนึงชาวอเมริกันทุกคน”.

      ขณะที่นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานสภายุโรป (อียู) โพสต์ข้อความว่า “สภาคองเกรสคือวิหารแห่งประชาธิปไตย แต่ภาพที่ได้เห็นในคืนนี้คือสิ่งที่ตกตะลึง เราเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะถ่ายโอนอำนาจให้นายไบเดนได้อย่างสงบ”

      นายโจเซฟ บอร์เรล ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของอียู เสริมว่า “นี่คือการโจมตีทั้งประชาธิปไตย สถาบันและหลักนิติธรรมของสหรัฐฯ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่ไม่ใช่อเมริกา และจะต้องเคารพผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนอย่างสมบูรณ์”

      นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีเฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ แพ้เลือกตั้งขณะยังอยู่ในตำแหน่งเมื่อปี1932 นับแต่นั้นมาก็ยังไม่เคยมีประธานาธิบดีคนใดที่เสียทั้งเก้าอี้ในทำเนียบขาว ในสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา เช่นนี้มาก่อน

      ความวุ่นวายในรัฐสภาสหรัฐฯ เกิดขึ้นในขณะที่โลกกำลังจับจ้องมองดูมรดกความขัดแย้งของนายทรัมป์ บรรยากาศอันตึงเครียดและเหตุการณ์ที่ปะทุขึ้นมานี้ ไม่ได้สะท้อนภาพการส่งผ่านอำนาจที่เป็นไปอย่างสงบสันติเลย

ขอบคุณข้อมูล : BBC

ที่มา : https://slotxo-game.vip/